เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2554 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Economist เปิดเผยผลวิจัยล่าสุด จากการสำรวจของ The Economist Intelligence Unitที่สำรวจเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกทุกครึ่งปีปรากฎว่าเมืองเมลเบิร์น ของออสเตรเลียได้รับการยอมรับว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2011 จากการสำรวจ 140 เมืองทั่วโลก แทนเมืองแวนคูเวอร์ ของประเทศแคนาดา แชมป์เก่า ที่ครองตำแหน่งมากว่า 10 ปี ซึ่งตกไปอยู่ดับ 3 ในปีนี้
โดยการพิจารณาให้คะแนนในครั้งนี้ ทาง The Economist Intelligence Unit ได้ประเมินจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ อัตราการเกิดอาชญากรรม การเมืองและสังคม การเข้าถึงระบบดูแลสุขภาพของประชาชน การจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และการศึกษา วันนี้เรามาทำความรู้จักกับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกกันดีไหมค่ะ
เมลเบิร์น (Melbourne) เมืองหลวงของรัฐวิคตอเรีย ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ ของรัฐนิวเซาธ์เวลส์ รัฐนี้ได้ชื่อว่า Garden State เนื่องจากมีสวนสาธารณะมากกว่ารัฐอื่น แต่มีประชากรหนาแน่นที่สุด เป็นรัฐที่เล็กเป็นอันดับสองของออสเตรเลีย มีประชากรอาศัยอยู่ในรัฐนี้คิดเป็นร้อยละ 26 ของชาวออสเตรเลียทั้งหมด เมลเบิร์นเป็นเมืองเศรษฐกิจใหญ่เป็น อันดับสองรองจากซิดนีย์ เป็นศูนย์กลางที่มีชื่อเสียงทางด้านศิลปวัฒนธรรม การเงิน และการคมนาคม เนื่องจากมีท่าอากาศยานนานาชาติ ท่าเรือโดยสารและขนส่ง และทางรถไฟเชื่อมระหว่างรัฐใกล้เคียงต่างๆ รวมถึงระบบการป้องกันรักษาความปลอดภัยต่างๆ และที่สำคัญเป็นเมืองที่มีคุณภาพ ชีวิตสูง การกีฬา อาหารหลากหลายจากทุกมุมโลก สังคม ผู้คนที่เป็นกันเอง เมลเบิร์นเป็นเมืองที่น่าอยู่มากที่สุดเมืองหนึ่งของโลก เนื่องจากความปลอดภัย ค่าครองชีพที่ค่อนข้างต่ำ เป็นเมืองที่มีผู้คนเป็นมิตร เป็นเมืองสะอาด สวยงาม และเป็นระเบียบ
เมือง Melbourne มีภูมิอากาศแบบ 4 ฤดู คือ มีช่วงฤดูหนาวยาวนานกว่าฤดูอื่น ช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะเย็นสบาย ซึ่งอากาศในช่วงกลางวันจะไม่หนาวมากและมีแสงแดดตลอด อากาศในแต่ละ วันจะมีความแตกต่างกันตั้งแต่ช่วงเช้าที่ค่อนข้างหนาวเย็น เปลี่ยนเป็นอุ่นในช่วงกลางวัน และเริ่มหนาวเย็นอีกในตอนกลางคืน หลังจากที่ได้ทราบข้อมูลจากการสำรวจของ The Economist Intelligence Unit แล้ว kickui จึงไปขอภาพสวยๆของหนุ่มใกล้ตัวที่เคยไปเยี่ยมเยือน Melbourne มาฝากกันค่ะท่านใดที่มีภาพสวยๆหรือบรรยากาศดีๆของการเดินทางมาแลกเปลี่ยนจะยินดีมากเลยนะคะ
คนเล่าเรื่อง.....Kickui
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น